Wednesday 5 December 2007

Long Live the King

วันที่ 5 ธันวาคม ก็เวียนมาครบรอบอีกครั้งหนึ่ง เป็นวันที่สำคัญยิ่งของคนไทยทุกคน ทั้งที่อยู่บนผืนแผ่นไทย และอยู่ส่วนอื่นทั่วโลก เป็นวันที่คนไทยมีความปลื้มปิติและมีความสุขอย่างที่สุด นั่นคือเป็น วันคล้ายพระบรมพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์ผู้เป็นที่รักยิ่งของคนไทยทุกคน หรือที่คนไทยทุกคนเรียกว่า “พ่อของแผ่นดิน” และปีนี้ก็เป็นปีมหามงคลยิ่งที่พระองค์ทรงมีพระชนมพรรษาครบ 80 พรรษา

ในวโรกาสนี้ พสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า ทั้งภาครัฐและเอกชน จะพร้อมใจร่วมกันจัดงานเฉลิมฉลองกันทั่วโลก เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แสดงถึงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและแสดงออกถึงความจงรักภักดีของคนไทยทุกคน ที่มีต่อพระองค์ท่าน โดยเฉพาะในช่วงสองปีที่ผ่านมา ประเทศไทยได้มีโอกาสจัดงานเฉลิมฉลองอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปีที่แล้วในวโรกาสครบรอบที่พระองค์ทรงขึ้นครองราชย์ครบ 60 ปี เป็นสองปีที่ได้เห็นภาพปวงพสกนิกรชาวไทยร่วมใจกันใส่เสื้อเหลือง ซึ่งเป็นสีสัญลักษณ์ประจำพระองค์ อย่างพร้อมเพรียงกัน เพื่อแสดงให้เห็นว่าพระองค์ทรงประทับอยู่ในใจของคนไทยทุกคน

ทุกครั้งที่มีงานเฉลิมฉลอง พระบาทสมเด็จพระอยู่หัวทรงเสด็จออกมาเพื่อให้ประชาชนได้เข้าเฝ้าชื่มชมพระบารมีร่วมกันถวายพระพรอยู่เสมอ และในแต่ครั้งก็จะมีประชาชนชาวไทยมาเฝ้ารอรับเสด็จกันอย่างเนื่องแน่น ทั้ง เด็กเล็ก ผู้ใหญ่ ตลอดจนผู้สูงอายุ ที่มาจับจองบริเวณก่อนเวลา เพื่อที่จะได้เฝ้ารับเสด็จอย่างใกล้ชิด เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินผ่าน ชาวไทยทุกคนก็จะพร้อมกันเปล่งเสียง “ทรงพระเจริญ” เพื่อถวายพระพรให้แด่พระองค์ กันอย่างกึกก้อง และไม่ขาดสาย เป็นเวลายาวนาน

และในวโรกาสนี้ของแต่ละปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสต่อประชาชนชาวไทยอยู่เสมอ เพื่อให้ประชาชนได้น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมใช้เป็นแนวทางในการทำงานและเป็นคติการดำรงชีวิต ในปีนี้เช่นเดียวกัน กับช่วงเวลาที่ประเทศไทยประสบกับปัญหาความแตกแยก คนไทยแบ่งฝักแบ่งฝ่าย แก่งแย่งและมุ่งล้างแค้นกัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงมีพระราชดำรัสเตือนสติแก่คนไทยทุกคน ความว่า “สถานการณ์บ้านเมืองเราในทุกวันนี้ เป็นที่ทราบแก่ใจ ของเราทุกคนที่สุดแล้วว่า ไม่น่าไว้วางใจ พูดได้ว่า หากคนไทยขาดความสำนึกในชาติ ขาดความสามัคคี ก็อาจประสบเคราะห์กรรมกันทั้งชาติ จึงขอให้ทหารทุกคน และชาวไทยทุกคน ทุกหมู่ ทุกเหล่า ได้ พิจารณาตัดสินใจว่า ประเทศชาติของเรานั้นสำคัญ ควรที่เราจะรักษาไว้ให้ยั่งยืนต่อไปหรือไม่ ถ้าเห็นว่าสำคัญ มั่นใจ ก็ขอให้สังวร ระวังกายใจ ให้ตั้งมั่นอยู่ในความสัตย์สุจริต พยายามลดอคติ และสร้างเสริมความเมตตาสามัคคีในกันและกัน ไม่ว่าจะทำการสิ่งใด ให้ยึดเอาความปลอดภัยของชาติเป็นที่หมายสูงสุด” เป็นพระราชดำรัสที่พระองค์ท่านทรงแสดงออกถึง ความวิตกกังวล และความห่วงใย ต่อประเทศชาติบ้านเมืองและประชาชนไทย ของพระองค์ท่าน

ผมได้ฟังกระแสพระราชดำรัสแล้ว ก็ได้แต่นึกเสียใจ สักกี่ครั้งกันแล้วเชียว ที่พระองค์ท่านต้อง ลำบากพระราชฤหัยกับวิกฤติในชาติบ้านเมือง วิกฤติที่เกิดจากประชาชนที่บอกว่ารักพระองค์ ก็ได้แต่ภาวนาในใจ ขอให้วิกฤติการณ์ผ่านพ้นไปด้วยดีให้ประเทศไทยกลับมาปกติสุขอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงปราศจากสิ่งใดๆ ที่ทำให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท ให้พระองค์ทรงพระเกษมสำราญย์พระราชหฤทัย กับประเทศชาติและประชาชนของพระองค์ เช่นที่ผ่านมา

และเนื่องในวโรกาสมหามงคลวัน เฉลิมพระชนมพรรษาครบ 80 พรรษา ในวันที่ 5 ธันวาคม 2550 นี้ ข้าพระพุทธเจ้า ขอน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระพรชัยมงคล ขอให้พระองค์ทรงพระเกษมสำราญ มีพลานามัยที่สมบูรณ์ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน อยู่เป็นมิ่งขวัญของชาวไทยตลอดกาลนาน

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

No comments: