Friday 12 October 2007

When the life comes back to start up again

เมื่อมีจบก็ต้องมีเริ่มใหม่เป็นธรรมดาของชีวิต และเป็นวัฏจักรที่มนุษย์ทุกคนต้องเจอ ผมก็เป็นคนหนึ่งที่เคยมีช่วงชีวิตทั้งขึ้นและลง ชีวิตในช่วงขาลงนั้น ไม่ว่าเราจะคิดอะไร ทำอะไร ก็จะต้องมีอันทำให้ไม่เป็นไปตามที่คิดที่หวังไว้ ยิ่งแก้ก็ยิ่งยุ่ง ยิ่งพยายามก็ยิ่งพัง และทำให้ปัญหาเพิ่มทวีคูณมากขึ้น จนในที่สุด ผมต้องขออยู่นิ่งๆ แบบปลงๆ ไม่คิดอะไรมาก ขอประคองใช้ชีวิตให้พ้นไปวันๆ โดยที่พยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้มีปัญหาใหม่เกิดขึ้นมา และทำตัว “จมให้ลง” จมกับความเป็นจริงในขณะนั้น จมกับเสียงนินทาว่ากล่าว จมกับผู้คนที่เยาะเย้ยและเย้ยหยันเรา และยอมรับกับความผิดพลาดที่เราได้ก่อขึ้น

มันก็น่าแปลก เมื่อเริ่มใช้ชีวิตด้วยความนิ่ง ไม่ทะเยอทะยานเกินตัว ไม่คิดฟุ้งซ่านกับปัญหามากเกินไป อะไรหลายๆ อย่างก็เริ่มคลี่คลายด้วยตัวของมันเอง และทำให้เรามีสติในการแก้ปัญหามากขึ้น นอกจากนี้ เมื่อชีวิตเริ่มนิ่ง ก็เริ่มมีสิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต เป็นเหมือนผลรางวัลของการต่อสู้ในช่วงเวลาเลวร้ายที่ผ่านมา ทำให้เรากลับมามีโอกาสในชีวิตมากขึ้น โอกาสที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ โอกาสที่เดินล่าตามความความฝันของชีวิตกันต่อไป และโอกาสที่เคยคิดว่ามันคงหมดไปแล้วจากชีวิต ก็กลับมาอีกครั้ง

ในช่วงเวลา ณ ตอนนี้ก็เหมือนกัน เมื่อมีบางสิ่งได้จบไปแล้ว ก็เปรียบเหมือนเป็นโอกาสให้สิ่งอื่นได้เข้ามาในชีวิต ผมจึงคิดว่าจะเลือกใช้โอกาสที่ได้รับมานี้ ให้คุ้มค่ามากที่สุด เพื่อที่จะเริ่มต้นชีวิตกับโอกาสครั้งใหม่ โดยมีอดีตเป็นบทเรียนให้แก่เรา บทความในวันนี้จึงขอใช้ชื่อว่า “เมื่อชีวิตกลับมาเริ่มต้นอีกครั้ง” ส่วนจะเริ่มต้นอย่างไรนั้น ขอให้ติดตามกันต่อไป

No comments: